ตะแกรงเหล็กระบายน้ำคืออะไร? ใช้ทำอะไร?

ตะแกรงเหล็กระบายน้ำคืออะไร

ตะแกรงเหล็กระบายน้ำ (หรือที่บางทีก็เรียกว่าตะแกรงระบายน้ำ) คือ อุปกรณ์ที่ใช้ในการระบายน้ำจากพื้นผิวต่างๆ โดยเฉพาะพื้นถนน หรือพื้นทางเดิน เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำขัง หรือเกิดการท่วมขังในพื้นที่นั้นๆ ตะแกรงเหล็กชนิดนี้มักถูกติดตั้งในจุดต่างๆ เช่น ริมถนน, ฟุตบาท หรือในระบบท่อระบายน้ำ ซึ่งทำหน้าที่ช่วยให้การไหลของน้ำเป็นไปได้อย่างราบรื่น

โดยทั่วไปแล้วตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะมีรูที่ขนาดพอเหมาะ เพื่อให้สามารถระบายน้ำได้ดี แต่ไม่ให้สิ่งสกปรกหรือขยะขนาดใหญ่ไหลลงไปในท่อระบายน้ำ รวมถึงยังช่วยให้พื้นผิวไม่ลื่นจากน้ำที่ไหลท่วมอีกด้วย

ส่วนใหญ่ทำจากวัสดุเหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized steel) หรือวัสดุที่ทนทานต่อการกัดกร่อน เพื่อให้อายุการใช้งานยาวนานและมีความแข็งแรงในการรับน้ำหนักต่างๆ ที่มักจะมีการขับขี่รถยนต์หรือการเดินผ่านบนตะแกรงดังกล่าว.

 

ขนาดของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

ขนาดของตะแกรงเหล็กระบายน้ำสามารถมีได้หลายขนาด ขึ้นอยู่กับการใช้งานและความต้องการในการระบายน้ำ โดยทั่วไปแล้วขนาดของตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะพิจารณาจากปัจจัยต่างๆ เช่น ขนาดของช่องระบายน้ำ, ความจุของน้ำที่จะระบาย, และขนาดของการไหลของน้ำที่คาดการณ์ไว้

ขนาดของตะแกรงเหล็กระบายน้ำที่พบเห็นทั่วไปมีดังนี้:

  1. ขนาดความกว้างของตะแกรง
    ตะแกรงเหล็กระบายน้ำมักจะมีความกว้างตั้งแต่ 10 ซม. ไปจนถึง 60 ซม. หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับความต้องการระบายน้ำและพื้นที่ใช้งาน

  2. ขนาดรู
    รูของตะแกรงจะมีขนาดแตกต่างกันไปตามประเภทของตะแกรง และการระบายน้ำที่ต้องการโดยทั่วไปแล้ว รูจะมีขนาดตั้งแต่ประมาณ 2 ซม. ไปจนถึง 10 ซม. หรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและวัตถุประสงค์ในการใช้งาน

  3. ขนาดความยาว
    ความยาวของตะแกรงเหล็กจะมีขนาดที่หลากหลาย ขึ้นอยู่กับพื้นที่ที่ต้องการติดตั้งตะแกรง เช่น ความยาวอาจจะเป็น 1 เมตร หรือ 2 เมตร หรือมากกว่า

  4. ความหนาของวัสดุเหล็ก
    โดยทั่วไปจะใช้เหล็กที่มีความหนาประมาณ 3 มม. ถึง 6 มม. เพื่อให้สามารถรับน้ำหนักได้ดีและทนทานต่อสภาวะต่างๆ เช่น การจราจรที่ผ่านไปมา

  5. การแบ่งประเภทตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

    • แบบตะแกรงรางเดียว (Single Slot Grating) : เหมาะสำหรับพื้นที่ที่น้ำไหลไม่มาก
    • แบบตะแกรงหลายช่อง (Multiple Slot Grating) : ใช้ในพื้นที่ที่ต้องการระบายน้ำมากและรวดเร็ว เช่น ริมถนนใหญ่
    • แบบตะแกรงตะแกรงเหล็กบาร์ (Bar Grating) : เหมาะสำหรับการใช้งานในอุตสาหกรรมและพื้นที่ที่มีการขนส่งน้ำหนักมาก

ขนาดทั่วไปที่มักพบ

  • ความกว้างของตะแกรง: 10 ซม., 15 ซม., 20 ซม., 30 ซม.
  • ความยาว: 1 เมตร, 1.5 เมตร, 2 เมตร
  • ขนาดรู: 2 ซม. x 2 ซม., 5 ซม. x 5 ซม., 10 ซม. x 10 ซม.

การเลือกขนาดและประเภทของตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะต้องพิจารณาจากสภาพการใช้งานจริง เช่น ปริมาณน้ำที่ต้องการระบาย, ประเภทของพื้นที่ (ถนน, ฟุตบาท, โรงงาน) และการรับน้ำหนักที่ตะแกรงต้องรองรับ.

 

สีของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

สีของ ตะแกรงเหล็กระบายน้ำ ส่วนใหญ่จะมีหลายสี ขึ้นอยู่กับประเภทของวัสดุที่ใช้ในการผลิตและการเคลือบผิวเพื่อป้องกันการกัดกร่อน (corrosion protection) หรือเพื่อความสวยงามและการมองเห็นที่ชัดเจน โดยทั่วไปจะพบสีหลักๆ ดังนี้ :

1. สีธรรมชาติของเหล็ก (Galvanized Steel)

  • สีเงิน หรือ สีโลหะ เป็นสีที่มักพบในตะแกรงเหล็กที่มีการเคลือบ ชุบกัลวาไนซ์ (galvanized) ซึ่งช่วยป้องกันการสนิม
  • ลักษณะสีนี้จะดูเป็นสีเงินเมทัลลิก มักจะใช้ในพื้นที่ที่ไม่ต้องการสีที่เด่นชัดหรือในงานที่ต้องการความทนทานสูง

2. สีดำ (Black)

  • ตะแกรงเหล็กระบายน้ำที่ทาสี สีดำ มักใช้กับตะแกรงเหล็กที่มีการเคลือบสีดำเพื่อเพิ่มความทนทานต่อสภาพอากาศและเพิ่มความสวยงาม
  • สีดำช่วยให้ตะแกรงกลมกลืนกับพื้นถนนหรือทางเดิน และมักพบในพื้นที่ที่ต้องการให้การตกแต่งและความสวยงาม

3. สีเขียว (Green)

  • สีเขียวมักจะใช้ในงานที่เกี่ยวข้องกับสวนสาธารณะ หรือพื้นที่ที่ต้องการให้ตะแกรงดูเป็นธรรมชาติ เช่น ทางเดินในสวน
  • สีเขียวมักจะใช้ในพื้นที่ที่มีการออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติหรือพื้นที่สีเขียว

4. สีเหลือง (Yellow)

  • สีเหลือง มักจะใช้สำหรับตะแกรงเหล็กระบายน้ำที่ต้องการให้มองเห็นได้ชัดเจน เช่น บริเวณริมถนน, ที่มีการจราจร หรือทางเดินในพื้นที่สาธารณะ
  • สีเหลืองมักจะช่วยเพิ่มความปลอดภัย เนื่องจากตะแกรงจะเด่นและสามารถมองเห็นได้ง่าย

5. สีเทา (Gray)

  • สีเทา หรือ สีเงินอมเทา มักใช้ในตะแกรงเหล็กที่มีการเคลือบด้วย สีพ่นฝุ่น หรือ สีเคลือบผิวอื่นๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ไม่ต้องการความเด่นชัดมาก
  • สีนี้มักจะใช้ในพื้นที่ที่มีการออกแบบให้เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมหรือความสะอาด

6. สีอื่นๆ

  • ในบางกรณี ตะแกรงเหล็กระบายน้ำอาจถูกเคลือบหรือทาด้วย สีที่แตกต่าง เช่น สีฟ้า, สีแดง หรือ สีส้ม เพื่อให้มีความเด่นชัดในบางบริเวณที่มีความสำคัญ เช่น บริเวณทางเข้าหรือพื้นที่อุตสาหกรรมที่ต้องการสัญญาณเตือน

การเลือกสีของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

การเลือกสีจะขึ้นอยู่กับปัจจัยดังนี้ :

  • ความปลอดภัย : เช่น สีเหลือง หรือสีส้มเพื่อให้เด่นชัดในพื้นที่ที่มีการจราจร
  • การทนทานต่อการกัดกร่อน : สีที่ใช้มักเป็นสีที่มีคุณสมบัติป้องกันการกัดกร่อน เช่น การเคลือบสีหรือการชุบกัลวาไนซ์
  • ความสวยงาม : ใช้สีที่เหมาะสมกับการออกแบบพื้นที่ เช่น สีเขียวในสวน, สีดำในพื้นที่เมือง

โดยรวมแล้ว สีของตะแกรงเหล็กระบายน้ำจึงมีทั้งหน้าที่ในด้านความปลอดภัย การทนทาน และการตกแต่ง โดยแต่ละสีก็มีความเหมาะสมกับสภาพแวดล้อมและการใช้งานที่แตกต่างกัน.

 

ความแข็งแรงของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

ความแข็งแรงของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ทั้งวัสดุที่ใช้ผลิต, การออกแบบ, และวิธีการเคลือบผิว (เช่น การชุบกัลวาไนซ์) เพื่อเพิ่มความทนทานต่อการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างกัน ซึ่งโดยทั่วไปแล้วตะแกรงเหล็กระบายน้ำถูกออกแบบให้รับน้ำหนักได้ดี และมีความแข็งแรงพอที่จะรองรับการใช้งานในสถานที่ต่างๆ เช่น ถนน, ฟุตบาท, และพื้นที่อุตสาหกรรม

ปัจจัยที่มีผลต่อความแข็งแรงของตะแกรงเหล็กระบายน้ำ

  1. วัสดุที่ใช้ในการผลิต

    • เหล็กชุบกัลวาไนซ์ (Galvanized Steel) : เป็นวัสดุที่นิยมใช้ในการผลิตตะแกรงเหล็กระบายน้ำ เนื่องจากมีความแข็งแรงและทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและอากาศ
    • เหล็กหล่อ (Cast Iron) : ตะแกรงเหล็กหล่อมีความแข็งแรงสูงมาก โดยเฉพาะในการรองรับน้ำหนักที่มากจากการขับขี่รถยนต์หรือการเดินผ่านในพื้นที่ที่มีการใช้งานหนัก
    • สแตนเลส (Stainless Steel) : สำหรับการใช้งานที่ต้องการความทนทานสูงต่อน้ำกรดหรือสารเคมีบางประเภท สแตนเลสจะให้ความทนทานสูงแม้จะมีราคาแพงกว่าก็ตาม
    • เหล็กกล้า (Mild Steel) : มักใช้ในพื้นที่ที่มีการใช้งานทั่วไป มีความแข็งแรงปานกลาง
  2. การออกแบบของตะแกรง

    • ช่องระบายและลักษณะบาร์ : ตะแกรงที่มีบาร์หรือช่องระบายที่ออกแบบให้กระจายน้ำหนักได้ดีจะมีความแข็งแรงสูง โดยเฉพาะในตะแกรงที่ต้องรองรับการเดินหรือขับรถ
    • รูปแบบการต่อบาร์ : การออกแบบที่มีการเชื่อมต่อบาร์อย่างดีจะช่วยเพิ่มความทนทานในการรองรับน้ำหนักได้ดีขึ้น
  3. ขนาดและความหนาของตะแกรง

    • ความหนาของวัสดุ : ตะแกรงเหล็กที่มีความหนามากจะมีความแข็งแรงและทนทานต่อการรับน้ำหนักมากขึ้น โดยทั่วไป ความหนาของตะแกรงเหล็กจะอยู่ที่ประมาณ 3 มม. ถึง 6 มม. แต่บางรุ่นอาจหนากว่านี้
    • ขนาดช่องตะแกรง : ขนาดของช่องตะแกรงที่เล็กเกินไปอาจทำให้การรับน้ำหนักไม่เหมาะสม แต่หากมีขนาดช่องใหญ่เกินไปก็อาจทำให้ตะแกรงไม่ทนทานและแตกหักได้ง่าย
  4. มาตรฐานการผลิต

    • ตะแกรงเหล็กระบายน้ำที่ผลิตตาม มาตรฐานอุตสาหกรรม เช่น EN124 (European Standard) หรือ ASTM A536 (American Standard) จะมีการควบคุมคุณภาพที่ดี และมั่นใจได้ว่าได้รับการออกแบบให้รองรับน้ำหนักได้ตามที่กำหนด

ความสามารถในการรับน้ำหนัก

ตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะได้รับการออกแบบให้รองรับน้ำหนักที่แตกต่างกันขึ้นอยู่กับประเภทการใช้งาน เช่น:

  1. สำหรับพื้นที่ที่มีการจราจรเบา (เช่น ทางเดิน, ฟุตบาท) :

    • รองรับน้ำหนักได้ ประมาณ 1,000-3,000 กิโลกรัม (ตามมาตรฐานการออกแบบ)
  2. สำหรับถนนที่มีการจราจรปานกลางถึงหนัก (เช่น ถนนในเมือง) :

    • รองรับน้ำหนักได้ ประมาณ 5,000-12,000 กิโลกรัม หรือมากกว่า (โดยเฉพาะในรุ่นที่ได้รับการออกแบบสำหรับรองรับน้ำหนักรถยนต์)
  3. สำหรับพื้นที่อุตสาหกรรมหรือทางเดินที่มีการขนส่งหนัก :

    • รองรับน้ำหนักได้ ตั้งแต่ 20,000 กิโลกรัม ขึ้นไป ซึ่งตะแกรงเหล่านี้มักใช้เหล็กหล่อหรือเหล็กกล้าในการผลิต

การทดสอบความแข็งแรง

การทดสอบความแข็งแรงของตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะถูกดำเนินการตามมาตรฐานที่กำหนด เช่น :

  • การทดสอบการรับน้ำหนัก โดยการวางน้ำหนักที่กำหนดไว้บนตะแกรงเพื่อตรวจสอบว่าไม่มีการเสียหายหรือการแตกร้าว
  • การทดสอบความทนทานต่อการกัดกร่อน เพื่อให้แน่ใจว่าเหล็กหรือวัสดุที่ใช้มีความทนทานต่อการสึกกร่อนจากน้ำและอากาศ

สรุป

ความแข็งแรงของตะแกรงเหล็กระบายน้ำจะขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้ในการผลิต, การออกแบบ, ขนาด, และมาตรฐานการผลิต โดยตะแกรงที่ผลิตมาเพื่อรองรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการจราจรหนักหรือมีการขนส่งของหนักจะมีความแข็งแรงสูง ส่วนการเคลือบผิวด้วยการชุบกัลวาไนซ์หรือการเคลือบสีจะช่วยเพิ่มความทนทานต่อการกัดกร่อนจากน้ำและสภาพแวดล้อม.

Visitors: 222,702