ยางมะตอยชนิดน้ำ
ยางมะตอย CRS-2 คือ แอสฟัลต์อิมัลชันประเภทแยกตัวเร็ว ที่ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการ SMEP ซึ่งเป็นกรรมสิทธิ์เฉพาะ โดยมีอัตราการจับตัวหรือการระเหยออกของน้ำเร็ว และเหมาะสำหรับการทำ Tack Coat และสามารถใช้ยาแนวรอยต่อคอนกรีตได้
ยางมะตอย CRS-2 ใช้ทำอะไร
ยางมะตอย CRS-2 ใช้สำหรับการทำ Tack Coat และสามารถใช้ยาแนวรอยต่อคอนกรีตได้ นอกจากนี้ยังสามารถใช้งานได้ที่อุณหภูมิปกติ โดยเหมาะสำหรับงาน Single Surface Treatment (ผิวทางแบบชั้นเดียว), Double Surface Treatment (ผิวทางแบบสองชั้น) เป็นการทำงานหลังจากการ Prime coat โดยการพ่นลาดยางก่อนแล้วเกลี่ยทับด้วยวัสดุหินย่อยหรือกรวดย่อย
CRS-2 และ CRS-1 คืออะไร
CRS-2 และ CRS-1 เป็นแอสฟัลต์อิมัลชันประเภทแยกตัวเร็ว โดย CRS-2 มีอัตราการจับตัวหรือการระเหยออกของน้ำเร็วกว่า CRS-1 สำหรับ CRS นั้นเป็นมาตรฐานการแลกเปลี่ยนข้อมูลทางการเงินแบบอัตโนมัติ (Common Reporting Standard - CRS) ซึ่งเป็นกระบวนการติดตามและตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงที่ดำเนินการต่อเนื่อง โดยปกติข้อมูลที่รายงานเป็นข้อมูลส่วนบุคคล (เช่น ชื่อ ที่อยู่ ประเทศที่มีถิ่นที่อยู่ทางภาษี และเลขประจำตัวผู้เสียภาษี) และข้อมูลทางการเงิน (เช่น เลขบัญชี ยอดคงเหลือในบัญชี และจำนวนเงินที่ชำระเข้าบัญชี)
ยางมะตอย ที่นิยมใช้
ยางมะตอยที่นิยมใช้เป็นวัสดุผิวหน้าของถนน โดยใช้เป็นวัสดุผิวหน้า หรือใช้แม้กระทั่งเป็นหลังคาชิงเกิ้ลรูฟ โดยมีคุณสมบัติที่สำคัญ 3 ประการ คือ
- มีคุณสมบัติในการยึดและประสาน (Connection) ทำหน้าที่เป็นตัวเชื่อมวัสดุต่างๆ ให้ติดกัน เช่น การผสมยางมะตอยกับหินย่อย เพื่อใช้ท้าผิวจราจรต่าง ๆ เป็นต้น
- มีคุณสมบัติในการป้องกันน้ำซึมผ่าน (Waterproofing) เมื่อวัสดุเคลือบด้วยยางมะตอยแล้ว โอกาสที่น้ำจะซึมผ่านจะเป็นไปได้ยาก
- มีคุณสมบัติที่เป็นของเหลวหรืออ่อนตัวเมื่อถูกความร้อน และจะแข็งตัวเมื่อเย็นลง
ข้อดีของยางมะตอย
ยางมะตอยเป็นวัสดุที่สกัดจากน้ำมันดิบ มีสีดำ มีลักษณะเหนียวและเป็นของเหลวข้นหนืด มีการเกาะยืดสูง เกิดจากผสมระหว่าง สารประกอบไฮโดรคาร์บอน และสารอินทรีย์อื่นๆ ซึ่งสามารถนำมาใช้ในงานก่อสร้างถนนได้ โดยใช้เป็นวัสดุผิวหน้าของถนน ยางมะตอยมีคุณสมบัติที่สำคัญ คือ ทำหน้าที่ประสานระหว่างวัสดุเติม อย่างเช่น หินและทรายทำให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน และนำมาใช้ในการเทผิวหน้าถนนได้